ทาครีมผิดวิธี ต่อให้ครีมแพงแค่ไหนก็ไร้ผล

วันนี้จะขอนำสาระดีๆ และพาสาวๆ มารู้จักกับ การเลือกครีมให้เหมาะกับผิวคนของไทย รวมถึงวิธีการทาครีมที่ถูกวิธี ซึ่งจะช่วยลบริ้วรอย และเพิ่มสมรรถนะให้กับครีมของคุณ ดังนั้นสาวๆ ก่อนที่จะเลือกซื้อครีม ลองดูหัวข้อเหล่านี้ก่อนการตัดสินใจ เพื่อให้ครีมที่คุณลงทุนไปได้ผลดีที่สุด จะได้ไม่ต้องเสียเงินโดยปล่าวประโยชน์ สาวๆ หลายคนคงกำลังสงสัยว่า ทำไมครีมที่ เราใช้ซึ่งอาจจะเป็นครีมตัวเดียวกันกับนางเอกชั้นแนวหน้า หรือดารานักแสดงชื่อดัง ถึงไม่เคยส่งผลให้ผิวของเราดูสวยเปล่งปลั่งเลย ทั้งๆ ที่เราก็ใช้เหมือนกับเขาทุกอย่าง ตรงนี้คุณรู้ไหมว่า ถ้าทาครีบไม่ถูกวิธี บรรดาของดีระดับไฮคลาสก็คงไม่ช่วยอะไรให้คุณเลย เผลอๆ แถมยังอาจจะพาสิวมาสร้างกองทัพกันจนเพลินบนใบหน้าเรา และการ

ทาครีมผิดวิธี ต่อให้ครีมแพงแค่ไหนก็ไร้ผล

ทาครีมผิดวิธี ต่อให้ครีมแพงแค่ไหนก็ไร้ผล

การเลือกซื้อครีมที่ถูกวิธีควรพิจารณาข้อมูลดังต่อไปนี้

• เนื่องจากในบ้านเรามีสภาพอากาศ ค่อนข้างร้อน ครีมที่เหมาะกับผิวของสาวไทย จึงควรเป็นประเภทที่ควบคุมความมัน ลักษณะครีมให้เป็น เจลเบส วอเตอร์เบส หรือ ลิคควิด ซึ่งจะบางเบากว่าครีมทั่วๆ ไป และช่วยอุ้มนํ้าไม่ทำให้ผิวแห้งตึง
• ควรเลือกครีมที่ปราศจากนํ้าหอม เนื่องจากนั้าหอมจะไวต่อแดด และล่วนผสมของ นํ้าหอมซึ่งมีมากกว่า 60 ตัว ก็เป็นสารเคมีที่ ก่อให้เกิดอาการแพ้ต่อผิวหน้า
• ครีมนั้นๆ ควรผ่านการทดสอบว่าปลอดภัยจากการแพ้ หรือการแพ้ต่ำมาก Nonallergic หรือ Hypoallergenic
• สภาพอากาศที่ร้อน มักจะทำให้สาวๆ เป็นสิวง่าย เพราะฉะนั้น เวลาเลือกครีมให้ดู ที่ระบุว่า Non-comedogenic คือ ผ่านการทดสอบว่าสูตร และส่วนผสมนั้นไม่ก่อให้เกิดสิว
• ถ้าเป็นไปได้ควรมีการทดสอบเกี่ยวกับ ดวงตาด้วยว่า ทารอบดวงตาได้หรือไม่ ส่วนใหญ่ครีมที่มีขายในบ้านเรามักจะให้ทาโดยเว้นส่วนรอบดวงตา ยกเว้นกลุ่มที่เป็นอายครีม โดยเฉพาะ
• สิ่งสำคัญในการเลือกครีมของสาวไทย คือ ต้องไม่มีส่วนประกอบของลาโนลิน ซึ่งเป็นน้ำมันที่มีความบริสุทธิ์สูง ที่สกัดจาก น้ำมันหล่อเลี้ยงบนขนแกะ เพราะลาโนสิน เป็นสารที่ให้ความชุ่มชื้นสูง แต่ก็ก่อให้เกิดการแพ้และอุดตันในระตับต้นๆ เมื่ออยู่บนผิว และส่งผลอาจจะทำให้รู้สึกร้อน จึงทำให้ไม่เหมาะกับเมืองร้อนในบ้านเราจ้า

การทาครีมให้ถูกวิธี

• ปริมาณที่เหมาะสม คือ เศษ 1 ส่วน 4 ของข้อสุดท้ายของนิ้วก้อย 
• ลืมวิธีการแต้มครีม 5 จุดบนใบหน้าได้เลย เพราะวิธีนั้นจะทำให้ครีมถูกดูดซึม ลงผิวหน้าเป็นบางส่วน ใบหน้าของคุณจึงใสไม่เสมอกัน ดังนั้น ควรแบ่งเนื้อครีม ออกเป็นจุดเล็กๆ เท่าหัวเข็ม ให้กระจายไปทั่วผิวหน้า
• สามารถใช้นิ้วใดทาครีมบนใบหน้าก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้นิ้วนางเหมือนในตำราที่เคยบอกไว้ เพียงแค่คุณรู้จักสัมผัสผิวให้เบา และไม่ลงน้ำหนักมากเกินไป คือ ค่อยๆ เกลี่ยโดยไม่ให้ผิวหน้ามีการเคลื่อนไหวจะดีที่สุด 
• อย่านวด อย่าคลึง แม้ว่าการนวดจะเป็นการช่วยให้เนื้อครีมซึมลงสู่ผิวเร็วขึ้นก็ตาม แต่เพราะวิธีดังกล่าวจะเป็นเหมือนกับการตีน้ำสลัดให้ทุกอย่างผสมกัน โดยส่วนล่าง สุดของรูขุมขนเป็นต่อมไขมัน ส่วนที่เหนือขึ้นมาก็มีเชลล์ที่ตายแล้ว และยังมีครีม เครื่องสาอาง ฝุ่นละออง ที่เรียงช้อนกันอยู่เป็นชั้นๆ เมื่อเราคลึงหรือนวด สิ่งต่างๆ ที่เคยอยู่เป็นชั้นๆ จะรวมตัวกัน จนทำให้เกิดการระคายเคืองและอุดตัน 
• ถ้าผิวช่วงรอบใบหน้าดูคล้ำเสียกว่ากลางใบหน้า ให้ลองเกลี่ยครีมจากด้านข้างเข้าตรงกลาง เพื่อเร่งเชลล์ผิวช่วงที่ไม่ค่อยดีได้ฟื้นตัวเร็วขึ้น

เคล็ดลับง่ายๆ : เทคนิคง่ายๆ การทาครีมที่จะช่วย ให้ผิวหน้าของคุณดูดีและชะลอริ้วรอย โดยจำให้ขึ้นใจว่า ผิวของคุณก็เหมือน กับผ้าสาลู ถ้าบีบแรงถูแรง หน้าก็เยิน เหมือนผ้ายับได้

วิธีล้างเครื่องสำอางที่ถูกต้อง

หลังจากทาครีมทำสวยกันมาแล้ว ก็ถึงเวลาที่สาวๆ จะต้องลอกเอาสิ่งสกปรกออกจากใบหน้าด้วยการล้างเครื่องสำอาง แต่แน่ใจแล้วหรือว่าการล้างบรรดา คราบเครื่องสำอาง ฝุ่นละออง หรือ เซลล์ที่ ตายแล้วของคุณ จะไม่ใช่การกวนทุกอย่าง จนก่อให้เกิดการอุดตัน และริ้วรอยลึก

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่แต่งหน้าจัด ควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางที่เป็นน้ำมัน และครีม เพราะน้ำมันเหล่านี้จะช่วยดูดน้ำมันจากเครื่องสำอางออกมา ส่วนวิธีการล้างให้ทาครีม หรือน้ำมันลงบนใบหน้าแล้วรอให้ ความอุ่นทำปฏิกิริยาช่วยในการเคลื่อนย้าย เครื่องสำอาง ซึ่งอาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง แล้วจึงใช้ทิชชูซับออก แต่ถ้ายังมีเครื่อง- สำอางหลงเหลืออยู่ ให้ทำวิธีเดิมแต่ห้ามถู ในส่วนที่มีเครื่องสำอางติดอยู่ จากนั้นจึง ล้างออกด้วยน้ำสะอาด สำหรับผู้ที่ไม่แต่งหน้า หรือใช้เพียงแป้ง- ฝุ่น จะใช้แค่โฟมล้างหน้าหรือสบู่ก็ได้ จากนั้น จึงใช้โทนเนอร์ให้ความชุ่มชื้นและช่วยกระซับผิวก็เพียงพอแล้วจ้า

เชื่อหรือไม่ของในครัว ช่วยคุณสวยได้

1. น้ำผึ้ง ทาทิ้งไว้ราว 5-10 นาที แล้วล้าง ออกจะช่วยให้หน้าใสขึ้น
2. ผลไม้สุกงอม นำมาทาให้ทั่วใบหน้า แล้วล้างออก จะช่วยขจัดเซลล์ที่ตาย แล้ว เพราะมีเอนไซม์จากธรรมชาติ
3. หัวไชเท้า นำมาแปะบนใบหน้า ลดความหมองคล้ำ
4. มายองเนส ก็คือมาร์คดีๆ ที่ช่วยแก้ อาการอิดโรย
5. ใบบัวบก นำมาทานจะช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพในการสร้างคอลลาเจนให้ กับร่างกายได้ดียิ่งขึ้น 

เทคนิคในการเลือกครีมให้เหมาะกับสกาพผิว 

ใครที่กำลังหลับหูหลับตาชื้อครีมราคา แพงตามเพื่อนสาว ขอให้หยุดชะตั้งแต่ตอนนี้ เพราะสภาพผิวของคุณไม่มีทางเหมือนกับเพื่อนอย่างแน่นอน ดังนั้นก่อนเลือกชื้อครีม ควรลังเกตดูว่า

• ผิวของเราจัดอยู่ในประเภทใด แต่ส่วนใหญ่ แล้วคนไทยมักจะมีผิวแห้ง และผิวแพ้ง่าย
• ต้องคำนึงถึงสีผิวของตนเอง เนื่องจาก ผิวเข้มและผิวขาวจะมีปฎิกิริยาต่อแดดที่ แตกต่างกัน
• ผิวที่เป็นสิวง่าย การเลือกครีมและเครื่อง- สำอาง จำเป็นต้องพิถีพิถันมากยิ่งขึ้น
• ช่วงอายุก็มีความสำคัญต่อครีม เพราะ สาววัยรุ่นบางคนมักใช้ครีมตัวเดียวกันกับ ของคุณแม่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาภายหลัง ขณะเดียวกันเมื่ออายุมากขึ้นครีมที่ใช้ก็ต้อง มีส่วนผสมที่แตกต่างจากช่วงวัยสาว
• เพศหญิงและชายมีสภาพผิวที่แตกต่างกัน ดังนั้นเราจึงควรเลือกครีมให้เหมาะตามเพศ
• เลือกครีมให้เหมาะกับลักษณะการใช้ ชีวิต เช่น ผู้ทำงานในที่เยินจำเป็นต้องใช้ครีม ที่ต่างจากผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง

เคล็ดลับดีๆ : ในบางครั้งครีมที่มีราคาแพง ก็มาจากห้องแล็บเดียวกับครีมราคาถูก ดังนั้น วิธีง่ายๆ คือ ลองดูจากคอลัมน์แนะนำสินค้า ซึ่งจะมีการแนะนำครีมที่มีส่วน ผสมเหมือนกันแต่ราคาต่างกันอย่างน่า ตกใจ

ควรใช้ครีมตัวใดลงก่อนและหลัง?

หลายคนมีครีมนับสิบวางอยู่หน้า กระจก แต่คุณเคยรู้หรือไม่ว่าจะต้องใช้ครีม ตัวใดก่อน และหลัง เพื่อให้ได้ประโยชน์ สูงสุดและไม่ก่อให้เกิดการอุดดัน  เทคนิคแสนง่ายก็คือ ทาครีมที่มีสาร สำคัญที่ต้องการการดูดชึมสมบูรณ์เป็น อันดับแรก จากนั้นเลือกใช้สิ่งที่เหลวที่สุด เหมือนเป็นของเหลวลงก่อน จากนั้นก็ตาม ด้วยบรรดา เชรั่ม, เจลอ่อน, เจลแข็ง,  โลชั่น, ครีม แล้วตบท้ายด้วยครีมกันแดด และลง เมคอัพได้ตามต้องการ

เคล็ดลับดีๆ : วิธีที่ถูกต้องในการทาครีมกันแดด คือ เน้นทาซํ้าหรือทาหลายๆ ชั้น เพราะ จะได้ผลดีกว่าการเลือกครีมกันแดดที่มี SPF สูงๆ เนื่องจากผลการศึกษาระบุว่า ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 

มากกว่า 30% จะออกออกฤทธิ์เพิ่มขึ้นเพียง 3% ซึ่ง หากคุณใช้ครีมกันแดดเวอร์ชั่น SPF สูงลิ่วเกินร้อย นั้นจะทำให้เราต้องสัมผัส เคมีมากขึ้น ก่อให้เกิดการละคายเคือง มากขึ้น แต่กลับปกป้องได้ดีกว่าเดิม เพียงน้อยนิดเท่านั้นเอง 

อ้างอิงข้อมูล: ขอบคุณสาระดีๆ จากนิตยสารสุขภาพ june 2010 และรูปภาพจาก pinterest